รู้หรือไม่ Call Center กับ Contact Center ต่างกันอย่างไร?

Call Center กับ Contact Center ต่างกันอย่างไร

Estimated reading time: 3 minutes

Call Center กับ Contact Center ต่างกันอย่างไร

สิ่งสำคัญในยุคใหม่การสื่อสารกับลูกค้าถือเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จทางธุรกิจ หลายองค์กรต่างลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างทีมบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม คำว่า Call Center และ Contact Center จึงเป็นที่คุ้นเคยและมักถูกใช้เรียกแทนกันอยู่เสมอ จนหลายคนอาจเข้าใจว่าทั้งสองอย่างคือสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองคำนี้สะท้อนถึงวิวัฒนาการ กลยุทธ์ และขีดความสามารถในการบริการลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

การทำความเข้าใจในความแตกต่างนี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องของคำศัพท์ แต่คือการมองให้ออกถึงทิศทางการบริการลูกค้าในโลกยุคดิจิทัล การเลือกใช้โซลูชันที่เหมาะสมจะส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience), ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ในบทความนี้เราจะพาคุณไปสำรวจความเหมือนและความแตกต่างของศูนย์บริการทั้งสองรูปแบบอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าบริการแบบไหนคือคำตอบที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณในวันนี้และอนาคต

เจาะลึกบทบาทดั้งเดิมของ Call Center: ศูนย์กลางแห่งเสียง

เพื่อจะเข้าใจความแตกต่าง เราต้องเริ่มต้นจากรากฐานเดิม นั่นคือศูนย์บริการทางโทรศัพท์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ “คอลเซนเตอร์” ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในยุคที่โทรศัพท์เป็นช่องทางการสื่อสารทางไกลที่รวดเร็วและแพร่หลายที่สุด

ภารกิจหลักก็คือการบริหารจัดการการสื่อสารผ่าน “เสียง” (Voice Channel) เป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นการรับสายเรียกเข้า (Inbound Calls) หรือการโทรออก (Outbound Calls)

  • Inbound : มีหน้าที่หลักในการ “รับสาย” จากลูกค้า เพื่อให้บริการในด้านต่างๆ เช่น การตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ, การรับเรื่องร้องเรียน, การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเบื้องต้น (Technical Support), หรือการรับออเดอร์สั่งซื้อสินค้า หน้าที่ของพนักงานคือการแก้ไขปัญหาของลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์
  • Outbound : มีหน้าที่หลักในการ “โทรออก” ไปหาลูกค้าหรือผู้ที่คาดว่าจะเป็นลูกค้า เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การเสนอขายสินค้าและบริการ (Telesales), การทำแบบสำรวจความพึงพอใจ, การติดตามทวงถามหนี้สิน, หรือการนัดหมายต่างๆ

เทคโนโลยีและตัวชี้วัดที่สำคัญ

เทคโนโลยีที่ใช้ในศูนย์บริการทางโทรศัพท์แบบดั้งเดิมนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการ “สาย” จำนวนมากให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย:

  • IVR (Interactive Voice Response): ระบบตอบรับอัตโนมัติ ที่ให้ลูกค้ากดปุ่มเพื่อเลือกเมนูต่างๆ ก่อนที่จะได้คุยกับเจ้าหน้าที่
  • ACD (Automatic Call Distributor): ระบบกระจายสายอัตโนมัติ ที่จะโอนสายของลูกค้าไปยังเจ้าหน้าที่ที่ว่างอยู่ หรือมีทักษะตรงกับเรื่องที่ลูกค้าต้องการติดต่อ
  • ตัวชี้วัด (Metrics): การวัดผลจะเน้นไปที่ประสิทธิภาพการจัดการสายเป็นหลัก เช่น Average Handle Time คือระยะเวลาเฉลี่ยในการให้บริการต่อสาย, First Call Resolution คืออัตราการแก้ปัญหาได้สำเร็จตั้งแต่การโทรครั้งแรก, และ Abandonment Rate คืออัตราสายที่ลูกค้าวางไปก่อนจะได้รับบริการ

โดยสรุปแล้ว Call Center คือศูนย์บริการลูกค้าที่มีโทรศัพท์เป็นหัวใจหลัก เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าผ่านการสนทนา และมีเป้าหมายเพื่อจัดการปริมาณสายให้ได้มากและรวดเร็วที่สุด

Contact Center: วิวัฒนาการสู่ศูนย์กลางการสื่อสารครบวงจร

Contact Center: วิวัฒนาการสู่ศูนย์กลางการสื่อสารครบวงจร

เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล พฤติกรรมของลูกค้าก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่ได้ติดต่อธุรกิจผ่านโทรศัพท์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ใช้ช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายตามความสะดวกของตนเอง นี่คือจุดกำเนิดของ Contact Center ซึ่งเป็นวิวัฒนาการขั้นกว่า ที่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่การสื่อสารผ่านเสียง

ภารกิจหลักของ Contact Center คือการบริหารจัดการการสื่อสารกับลูกค้าในทุกช่องทาง (Omnichannel)

บริการนี้ได้รวบรวมทุกช่องทางการติดต่อของลูกค้ามาไว้ในที่เดียว ทำให้สามารถมอบประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวและไร้รอยต่อได้ โดยนอกเหนือจากโทรศัพท์แล้ว ยังครอบคลุมถึง:

  1. อีเมล (Email): สำหรับการติดต่อที่ต้องการเอกสารอ้างอิง, การส่งข้อมูลที่ซับซ้อน, หรือเรื่องที่ไม่เร่งด่วนมากนัก
  2. ไลฟ์แชท (Live Chat): ช่องทางยอดนิยมบนหน้าเว็บไซต์ ที่ให้ลูกค้าสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้แบบเรียลไทม์อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
  3. โซเชียลมีเดีย (Social Media): การตอบข้อความ (Direct Message) หรือคอมเมนต์บนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, X (Twitter), Instagram, ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการบริหารจัดการชื่อเสียงของแบรนด์
  4. แอปพลิเคชันสนทนา (Messaging Apps): การให้บริการผ่านแอปฯ ที่ลูกค้านิยมใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น LINE, Facebook Messenger, WhatsApp
  5. วิดีโอคอล (Video Call): สำหรับการให้บริการที่ต้องการเห็นภาพ เช่น การสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ หรือการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่ซับซ้อน
  6. SMS: สำหรับการส่งข้อความสั้นๆ เพื่อแจ้งเตือนสถานะ หรือการส่งรหัส OTP

เทคโนโลยีและกลยุทธ์ที่เหนือกว่า

เทคโนโลยีของ Contact Center มีความซับซ้อนกว่ามาก โดยมีหัวใจสำคัญคือ CRM (Customer Relationship Management) ที่ทำหน้าที่รวบรวมประวัติการติดต่อของลูกค้าจากทุกช่องทางไว้ในที่เดียว ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะติดต่อเข้ามาทางไหน เจ้าหน้าที่จะเห็นข้อมูลทั้งหมดและสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องทันที กลยุทธ์ได้เปลี่ยนจากการเน้น “ประสิทธิภาพ” ของแต่ละสาย ไปเป็นการเน้น “คุณภาพของประสบการณ์ลูกค้า (CX)” ในภาพรวม

เปรียบเทียบความแตกต่างสำหรับ Call Center vs. Contact Center

คุณสมบัติCall CenterContact Center
ช่องทางการสื่อสารเสียง (โทรศัพท์) เป็นหลักหลากหลายช่องทาง (โทรศัพท์, อีเมล, แชท, โซเชียลมีเดีย, ฯลฯ)
เป้าหมายหลักจัดการปริมาณสายให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วสร้างประสบการณ์ที่ดีและไร้รอยต่อให้ลูกค้าในทุกช่องทาง
เทคโนโลยีหลักIVR, ACD (เน้นจัดการสาย)CRM, Unified Communication (เน้นจัดการข้อมูลลูกค้า)
มุมมองต่อลูกค้ามองเป็น “กรณี” หรือ “สาย” ที่ต้องจัดการมองเป็น “บุคคล” ที่มีประวัติและความสัมพันธ์ต่อเนื่อง
ทักษะของพนักงานเน้นทักษะการสื่อสารผ่านเสียงและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องมีทักษะหลากหลาย ทั้งการพูด, การเขียน, และการใช้เครื่องมือดิจิทัล
บทบาทในองค์กรมักถูกมองเป็น “ศูนย์รวมค่าใช้จ่าย” (Cost Center)ถูกมองเป็น “ศูนย์สร้างความสัมพันธ์และรายได้” (Experience/Profit Center)

ทำไมความแตกต่างนี้จึงสำคัญต่อธุรกิจของคุณ?

การเลือกใช้บริการที่เหมาะสมส่งผลอย่างยิ่งต่อธุรกิจในยุคนี้ การยังคงใช้โมเดลแบบดั้งเดิมอาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการเข้าถึงและทำความเข้าใจลูกค้าในช่องทางที่พวกเขาต้องการ ในขณะที่การยกระดับสู่ Contact Center จะมอบประโยชน์อย่างหาศาล:

  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: ลูกค้าสามารถเลือกติดต่อในช่องทางที่พวกเขาสะดวกที่สุด และได้รับบริการที่ต่อเนื่องแม้จะเปลี่ยนช่องทาง
  • เก็บข้อมูลเชิงลึกได้ดีกว่า: การรวบรวมข้อมูลจากทุกช่องทางช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้ 360 องศา เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าและบริการต่อไป
  • สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัย: การมีตัวตนและพร้อมให้บริการในช่องทางดิจิทัลต่างๆ แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณใส่ใจและพร้อมปรับตัวเพื่อลูกค้า

สรุปบทความ: เลือกโซลูชันที่ใช่เพื่ออนาคตของธุรกิจ

โดยสรุปแล้ว แม้ว่าคอลเซนเตอร์จะเป็นส่วนหนึ่งของ Contact Center แต่ Contact Center มีความสามารถที่กว้างขวางและตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้ดีกว่าอย่างชัดเจน การเปลี่ยนผ่านจากการสื่อสารด้วย “เสียง” เพียงอย่างเดียว ไปสู่การบริหารจัดการ “ทุกจุดสัมผัส” ของลูกค้า คือก้าวสำคัญที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าของคุณ

ยกระดับการบริการลูกค้าของคุณไปอีกขั้นกับ AREE

หากคุณกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยเปลี่ยนศูนย์บริการลูกค้าของคุณจากรูปแบบเดิมๆ ให้กลายเป็น Contact Center ที่ทันสมัยและทรงประสิทธิภาพ AREE คือคำตอบ เรามีความเชี่ยวชาญในการให้บริการลูกค้าครบวงจร พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานมืออาชีพที่พร้อมดูแลลูกค้าของคุณในทุกช่องทาง 

ติดต่อ AREE วันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี และค้นพบว่าเราจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าและขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้เติบโตได้อย่างไร